สภาลูกหนัง: แอบหวังอยู่นะ เทพนิยาย ยูโร 2024
ได้ครบจบบทสรุป 8 ทีมชาติสุดท้ายในศึกยูโร 2024 เป็นที่เรียบร้อย วันนี้เราจะมาไล่เรียงกันในแต่ละคู่ว่า ทีมชาติใดมีกุมความได้เปรียบ หรือมีโอกาสพลิกล็อคเข้ารอบถัดไป
เริ่มต้นกันที่คู่แรก เจ้าภาพ ‘อินทรีเหล็ก’ เยอรมนี กุมความได้เปรียบเล็กน้อยที่ชิงเข้ารอบไปก่อน 1 วัน หลังเอาชนะ เดนมาร์ก ไปแบบสบายเท้า 2-0 จากลูกจุดโทษของ ไค ฮาแวตซ์ และ ลูกแปเสียบเสาของ จามาล มูเซียล่า ในขณะที่ ‘กระทิงดุ’ สเปน แม้ถูก จอร์เจีย ขึ้นนำไปก่อน แต่ยิงแซงรวดเดียว ถล่มยับสมราคาอดีตแชมป์โลก 4-1
ดูแล้วน่าจะเป็นบิ๊กแมตช์ที่สนุกที่สุดในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เพราะทั้งสองฝ่ายต่างโชว์ฟอร์มได้ดี รักษามาตราฐานยอดเยี่ยมทั้งคู่ หากโค้ชทั้ง 2 ฝ่าย ตัดสินใจเปิดเกมรุกแลกหมัดกัน หรือมีฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ขึ้นนำจากจังหวะผิดพลาดตั้งแต่ต้นเกม เราคงจะได้ช็อตการเล่นที่เหนือชั้นกว่าทีมชาติอื่นในศึกยูโร หนนี้ เป็นแน่ครับ
คู่ถัดไปเดือดดาลไม่แพ้กันในเรื่องของชื่อชั้น อดีตแชมป์ยูโร 2016 อย่าง ‘ฝอยทอง’ โปรตุเกส ที่ดูเหมือนจะเล่นติดขัดไปหมด เพราะยังต้องพึ่งบารมีความเป็นลูกพี่ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 39 ปี ยอดแข้งบัลลงดอร์ ผู้มีสถิติการยิงฟริคิกเป็นประตูในรายการนี้ ไม่ถึง 2% แต่เอาน่ะ เรื่องปลุกหัวใจลูกทีมไม่มีแพ้ใครอยู่แล้ว ต้องดูว่า ‘ตราไก่’ ฝรั่งเศส ที่นำทัพโดย คิลิย็อง เอ็มบาปเป้ จะได้ฤกษ์เบิกสกอร์แบบ Open Play ได้หรือยัง?
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เต็ง 2 อย่าง ฝรั่งเศส น่าจะผ่านเข้ารอบไปแบบเหนื่อยหอบ ด้วยชื่อชั้นโดยรวม และแท็คติคเคี่ยว ๆ ของ ดิดิเย่ร์ เดอช็องส์ ยิ่งช่วงนี้ วิลเลียม ซาลิบา แนวรับจาก ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซน่อล และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมชื่อก้อง กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเข้าฝักแล้วด้วย ยังไม่เห็นทางที่ โปรตุเกส จะชนะได้เลย หากยังเล่นเหมือนเกมที่ผ่านมา
มาถึงทีมชาติขวัญใจปวงประชาชนชาวไทย ‘ทรีไลอ้อนส์’ อังกฤษ ที่ถูกล้อไม่เว้นแต่ละวัน ยิ่งในเกมล่าสุดที่ต้องไล่ตามตีเสมอ สโลวาเกีย นาทีบาป จากการจักรยานอากาศสุดงามของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม แล้วพอขึ้นนำ 2-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ กุนซือหนุ่มใหญ่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็เล่นถอดตัวหลักผู้ทำประตูออกทั้งคู่ ไม่เหลือดาวยิงเบอร์หนึ่งของชาติอย่าง แฮร์รี่ เคน ไว้ยิงจุดโทษอะไรเลย ดูออกเลยล่ะว่า ‘สั่นกลัว’ จนต้องให้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ มาช่วยไล่เพรสคู่แข่ง
สวิตเซอร์แลนด์ อาจดูเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดทีมชาติหนึ่งในการปะทะแข้งด้วย แต่อย่าลืมว่า พวกเขามักสร้างเซอร์ไพร์สตลอด แถมรอบนี้ยังเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น ไม่ธรรมดา ขนาด เยอรมนี ยังเอาไม่ลง ถ้าให้ผมเดาผลการแข่งขันแบบหลับตาเลือก ก็เชื่อว่ามีพลิกความคาดหมายแน่นอน เพราะนอกจาก สวิตเซอร์แลนด์ จะถนัดเล่นในระบบแนวรับ 3 ตัว ที่ดูจะชนะทาง ทีมชาติอังกฤษ แล้วนั้น ไอเดียเกมรุกของฝั่งเมืองผู้ดีก็ยังดูไม่มีอะไรหวือหวา นอกจากการโยนเข้าทำที่แฟนบอลต้องนั่งส่ายหัวกันทุกเกม
ปิดท้ายกันที่ ‘กังหันสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์ ได้ของกรุบที่สุดในบรรดาชาติใหญ่โลกลูกหนัง นั่นคือ ‘ไก่งวง’ ตุรกี คู่นีั้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะถ้าผ่านไม่ได้ก็อย่าหวังเป็นแชมป์เลย คงต้องหวังพึ่ง โคดี้ กักโป ตัวรุกฟอร์มแรงจากสโมสรแถบ เมอร์ซี่ย์ไซด์ กันเยอะหน่อยล่ะ หลังเจ้าตัวซัดไปแล้ว 3 เม็ด นำเป็นดาวซัลโวอยู่ในเวลานี้
ทางรอดเดียวที่ ตุรกี ทำได้คือ ภาวนาให้ มาร์โค อาร์นาโตวิช หัวหอกตัวเก๋าวัย 35 กะรัต แผลงฤทธิ์เดชทิ้งท้ายอาชีพ แต่ดูแล้วโคตรยากเกินไป
พอมาลองคิดดูเล่น ๆ แล้ว หาก สวิสเซอร์แลนด์ เข้ารอบได้จริง ๆ พวกเขาอาจสร้างปาฏิหาริย์ถึงนัดชิงชนะเลิศได้เลยนะ เพราะในสายตาผม ‘ทรีไลอ้อนส์’ กับ ‘กังหันลมสีส้ม’ ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตราฐานพอกัน คงได้แต่ลุ้นว่าจะมีเทพนิยายเกิดขึ้นแบบตอนปี 2004 หรือไม่…!?
เรียบเรียงโดย The Lite Team
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง